ฉันดีกว่าเดิม
มุ่งสร้างนิสัยเชิงบวก
หมั่นพัฒนาตนเอง
เน้นความสุขและศักยภาพคน
คนเรา 'สามารถ' เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นได้เสมอ
มุ่งสร้างนิสัยเชิงบวก
หมั่นพัฒนาตนเอง
เน้นความสุขและศักยภาพคน
คนเรา 'สามารถ' เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นได้เสมอ
12 Fears You Need To Overcome to Succeed In Business and In Life By Gordon Tredgold http://inc-asean.com/the-inc-life/12-fears-you-need-to-overcome-to-succeed-in-business-and-in-life/ 12 ความกลัวที่คุณต้องปราบให้ได้ หากคุณอยากประสบความสำเร็จทั้งทางธุรกิจและสมปรารถนาในชีวิตเราไม่มีวันทำได้เกินกว่าขอบเขตที่ความกลัวขังเราไว้ ความกลัวอาจเป็นเหมือนกำแพงที่สูงหนาใหญ่ยักษ์ กั้นระหว่างเรากับความสำเร็จ ความกลัวจะหยุดยั้งคุณ ความกลัวมีอิทธิฤทธิ์ทำให้คุณเชื่อว่าโอกาสที่คุณจะสมหวังประสบความสำเร็จนั้นมีน้อยนิด ดังนั้นไม่ต้องเปลืองแรงเสียเวลา จะพยายามไปทำไม ความกลัวเป็นความรู้สึกซับซ้อนยุ่งยาก เจ้าเล่ห์ พาลพาให้อยากหลบหนี ความกลัวสถิตอยู่ลึกๆ ในจิตใจ อยู่ในจิตใต้สำนึกซึ่งคุณอาจไม่เคยรับรู้มาก่อนเลยว่ามันดึงรั้งคุณไว้ ในหนังสือ Fighting The Fear ‘ปราบความกลัว’ Mandie Holgate มองเห็นว่ามีอยู่ 12 ความกลัวที่คุณต้องกำราบให้อยู่หมัด ขจัดความคิดลบๆ ออกไปจากจิตใจ เดินขึ้นแท่นผู้ชนะรับรางวัลชีวิต Mandie Holgate ได้ให้แบบฝึกหัดไว้กำราบทั้ง 12 ความกลัว ซึ่งจะช่วยให้คุณอยู่เหนือความกลัว เริ่มต้นออกไล่ล่าเป้าหมายต่างๆ ของคุณ ความกลัวที่ 1 – ถ้าคนพบตัวตนของฉัน พวกเขาจะทำร้าย / ทำไม่ดีกับฉันไหม แล้วฉันจะอยู่อย่างไร?คนมักจะซ่อนตัวตนของพวกเขาไว้ ซ่อนความต้องการ ซ่อนความสุข ซ่อนความเพลิดเพลินบางอย่าง ซ่อนเพราะกลัวว่าคนอื่นจะเห็นว่ามันไม่เหมาะสม ไม่อยากให้ใครมาตัดสินพวกเขา ความจริงก็คือไม่ใช่ทุกคนหรอกที่อยากจะเป็นมหาเศรษฐี หรือเป็น CEO ของบริษัทยักษ์ใหญ่ คนทั่วไปค่อนข้างพอใจกับการดำรงชีวิตเรียบง่าย ไม่ทะเยอทะยาน แต่การไล่ตามความฝันของคนอื่นก็ไม่เคยนำพาคุณไปพบความสุขของคุณ คุณจำเป็นต้องเข้าใจคุณค่าของคุณ ซื่อสัตย์จริงใจต่อความรู้สึกตัวเอง และเลิกกังวลว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร จงหันหน้ามุ่งเข้าหาสิ่งที่คุณสุขใจ หลงใหลเพลิดเพลิน ความกลัวที่ 2 – กลัวการตั้งเป้าหมายคนที่ตั้งเป้าหมายผิด หรือกลัวการตั้งเป้าหมาย คิดแต่ผัดวันประกันพรุ่ง ทำอะไรก็ไม่เสร็จเป็นชิ้นเป็นอัน ผมพบว่าความกลัวนี้มักจะปรากฏออกมาในรูปของความรู้สึก ผลลัพธ์ หรือการกระทำเชิงลบ และสิ่งเลวร้ายทั้งหลายเกิดขึ้นก็เพราะว่า พวกเขากลัวการตั้งเป้าหมาย ถ้าคุณไม่ตั้งเป้าหมาย มันเป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะก่อร่างสร้างแผนงานให้ชัดเจน หากไม่มีแผนงาน คุณก็กำลังฝากความสำเร็จของคุณไว้กับสายลมของโชคชะตา และการฝากชีวิตไว้กับการเสี่ยงดวง นั่นไม่ใช่กลยุทธ์ที่ฉลาด ความกลัวที่ 3 – ไม่เชื่อว่าคุณสามารถทำสำเร็จความกลัวผิดหวัง พานให้หลายคนยุติความพยายาม แต่มีอยู่ 2 อย่างที่คุณต้องจำไว้ให้มั่น อย่างแรก ตามเส้นทางความสำเร็จตรงไหนสักแห่ง จะมีความผิดพลาด ผิดหวัง ล้มเหลว ปนเปื้อนอยู่ด้วยเสมอ และอย่างที่สอง อะไรจะเกิดขึ้นถ้าคุณล้มเหลว คุณรู้จริงๆ เหรอว่าความล้มเหลวเหล่านั้น มีแต่ด้านไม่ดี? มีลูกค้าหลายคนที่ผมโค้ชชิ่งอยู่ กลัวความล้มเหลว ความล้มเหลวมักจะส่งผลให้เรารู้สึกเสียใจ อับอาย เสียเงิน เสียเวลา วิธีกำราบความกลัวล้มเหลว ลองถามตัวคุณเองว่า “ถ้าสมมติคุณล้มเหลว ผลออกมาไม่เป็นตามคาด อะไรคือสิ่งที่แย่ที่สุดที่จะเกิดขึ้น? ถ้าคำตอบคือ แย่ไม่มากเท่าไร ซึ่งลูกค้าของผมก็มักได้คำตอบทำนองนี้ ดังนั้นก็ลงมือทำเลยซิ จะรออะไร เล็งเป้าหมายแล้วยิง อย่าปล่อยให้ความกลัวล้มเหลวฉุดรั้งคุณไว้ ความกลัวที่ 4 – ฉันไม่อยากดูเด่นเกินความสำเร็จไม่ใช่การเอาใจคนอื่น หรือพยายามทำให้คนอื่นรู้สึกดีกับเรา การไต่ระดับความสำเร็จ เราจะระมัดระวังการวางตัวที่อาจจะทำให้คนคิดว่าเราเหนือกว่า ความคิดเช่นนี้มักจะเข้ามาตีกรอบจำกัด ลดเป้าหมายให้ต่ำลง ทำให้เรากดตัวเองไว้กับความกลัวไม่เข้าพวก อย่าปล่อยให้ข้อจำกัดของคนอื่น กลายเป็นกรอบจำกัด กดทับกักกันตัวคุณ คุณขยายใหญ่ได้อีก ความกลัวที่ 5 – ฉันไม่อยากขอความช่วยเหลือมีหลายเหตุผลที่ทำให้เราไม่กล้าขอ ‘กลัวถูกปฏิเสธ’ พวกเขาไม่อยากง้อ ดูอ่อนแอ หรือดูไม่ฉลาด พวกเขากังวลว่า การขอร้องจะกัดกร่อนความสำเร็จของพวกเขา พวกเขาไม่อยากให้คนรู้ว่าพวกเขามีปัญหาติดขัด ความจริงก็คือ มีน้อยคนมากที่สามารถประสบความสำเร็จได้โดยปราศจากความช่วยเหลือสนับสนุนจากคนอื่นๆ หลายครั้งคนยินดีให้ความช่วยเหลือ ถ้าคุณบอก ความกลัวนี้ทำผมติดขัดไปต่อไม่ได้ ความกลัวถูกปฏิเสธเป็นความกลัวที่โดดเด่นมากที่สุด แต่ผมอ่านหนังสือและมองหากลยุทธ์ที่เหมาะจะเอามาลอง ผมแค่โพสท์คำของ่ายๆ บน Facebook ขอให้ช่วยเรื่องการขายและการตลาด ภายใน 20 นาที ผมมี 4 คนเสนอความช่วยเหลือเข้ามา โดยปกติผมจะมุ่งมั่นแก้ปัญหาเอาเอง ไม่ใช่แค่เพื่อนๆ ไม่สบอารมณ์กับพฤติกรรมนี้ แต่ยังสงสัยด้วยว่าทำไมผมถึงไม่บอกพวกเขา คุณอาจจะได้รับความช่วยเหลือมากกว่าที่คุณคาดไว้ แต่คุณต้องกล้าขอ ความกลัวที่ 6 – ผมไม่ “กล้าปฏิเสธ”ถ้าคุณไม่ปฏิเสธคนอื่น คุณก็กำลังปฏิเสธตัวคุณเอง คุณต้องเมตตาและให้ความเป็นธรรมกับตัวเองด้วย และถ้าคำขอนั้นห่างไกลจากเป้าหมายของคุณ คุณก็แค่ตอบปฏิเสธอย่างสุภาพ หรือเสนอความช่วยเหลือในแบบที่ดีที่สุดที่คุณให้ได้ มีคนจำนวนมากที่ไม่ยอมให้คุณลาออกไปพิชิตเป้าหมายของคุณ เพราะพวกเขาอยากให้คุณอยู่ช่วยพิชิตเป้าหมายของพวกเขา คุณจำเป็นต้องแน่ใจด้วยว่า คุณชัดเจนและโฟกัสอยู่ที่จุดประสงค์ของคุณ แล้วคุณจะสามารถตอบตกลงเปิดรับโอกาส อันที่ตรงกับที่คุณโฟกัสไว้ โฟกัสที่ชัดเจนและโอกาสที่คุณเลือกทำ จะพาคุณไปพบความสำเร็จที่คุณปรารถนา มีโอกาสใหม่ๆ รออยู่เสมอ และคุณจำเป็นต้องสบายใจที่จะปฏิเสธโอกาสทั้งหลายที่ไม่ลงตัวกับจุดประสงค์ที่คุณตั้งความสำคัญไว้ มันง่ายที่จะถอนตัวถอยออกมา ถ้าโอกาสเหล่านั้นให้ผลตอบแทนระยะสั้น ความกลัวที่ 7 – ฉันกลัวการพูดต่อหน้ากลุ่มคนอาชีพส่วนใหญ่จะต้องมีบ้างที่คุณต้องออกไปยืนพูดนำเสนองาน การพูดหน้าห้องหรือการพูดต่อหน้ากลุ่มคน โดยเฉพาะเมื่อคุณกำลังเริ่มก้าวขึ้นตำแหน่ง หลายคนพบว่าการพูดต่อหน้าชุมชนเป็นหนึ่งในความกลัวที่สุดของพวกเขา จริงๆ แล้วความกลัวนี้ก็เคยเป็นปัญหาของผมมาระยะหนึ่ง แต่ตอนนี้ผมได้เป็นนักพูดนานาชาติแล้วนะครับ เทคนิคที่คุณสามารถนำไปใช้กำราบความกลัวนี้
ความกลัวที่ 8 – ฉันเกลียดการคุยโทรศัพท์ความกลัวนี้เป็นปัญหาเลยนะ ถ้าคุณทำงานขายหรืองานพัฒนาธุรกิจ คุณอาจจะไม่ได้มองไปไกลถึงการโทรไปเพิ่มยอดขาย แต่คุณจำเป็นต้องโทรไปนัดเข้าพบ หรือขอนัดหมายเพื่อพูดคุยสรุปหาทางออก โดยส่วนตัวผมเกลียดการคุยโทรศัพท์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนไม่รู้จัก แต่หลังจากที่อ่านหนังสือของ Mandie ผมตระหนักว่า ไม่ใช่เพราะว่าผมไม่มีสิ่งดีๆ ให้คนอื่น แต่ผมเกลียดที่โทรไปรบกวน หรือโทรไปทำให้พวกเขาเสียเวลา ใช้เทคนิคของ Mandie ตอนนี้ถ้าผมจะโทรหาใคร ผมจะโฟกัสไปที่เขาจะได้รับประโยชน์อะไรบ้าง ก่อนที่จะวางโทรศัพท์ การทำเช่นนี้ สลายความกลัวของผมได้ดี และช่วยให้ผม มีบทสนทนาที่ผูกพันอยู่ที่ประโยชน์ของลูกค้า ความกลัวที่ 9 – ฉันไม่อยากดูเปิ่น เซ่อซ่า เป็นตัวตลก บ่อยครั้งเราจำเป็นต้องสวนกระแสเดินเข้าหาความสำเร็จ ท้าทายทดลองทำสิ่งต่างๆ ด้วยวิธีใหม่ๆ แต่ถ้ามันเกิดไม่เป็นอย่างที่ตั้งความหวังไว้ คนอื่นอาจจะเห็นเป็นความเปิ่น ถากถาง หัวเราะเยาะเย้ยใส่เรา ผมเกิดทันได้รับชมการแข่งขัน เมื่อตอนที่ Dick Fosbury เปลี่ยนท่าการกระโดดสูงไปตลอดกาล ผมกำลังดูเขาวิ่งตรงไปที่ไม้กั้น หมุนตัวหันหลังและพยายามกระโดดข้าม ทิ้งตัว เอาหลังลงเบาะ และเม้นเตอร์หลายคนตั้งคำถามถึงเทคนิคแสนแปลกแหวกแนวของเขา Fosbury ไม่สนใจว่าเขาจะดูน่าตลกขบขันไหม เขายืนยันที่กระโดดแบบนั้น นักกระโดดสูงเหรียญทองโอลิมปิกชาวแม็กซิโกส่งเสียงหัวเราะ จากนั้น Fosbury ก็กระโดดกลับหลังทิ้งตัวให้ชาวโลกได้ประจักษ์ ในโอลิมปิกปี 68 เขาเป็นเพียงคนเดียวที่ใช้เทคนิคนี้ นับตั้งแต่นั้นมาทุกรายการแข่งขันหลักๆ เทคนิคนี้ถูกนำมาใช้เหนือกว่าเทคนิคเดิม จงกล้าที่จะแตกต่าง ความกล้านี้อาจจะพาไปเจอผลลัพธ์ที่น่าทึ่งก็ได้ ความกลัวที่ 10 – ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าคนอื่นกำลังคิดอย่างไรกับฉัน สำหรับใครหลายๆ คน ‘ความต้องการเป็นที่ยอมรับ’ เป็นความปรารถนาที่เข้มข้นมาก และเป็นเหตุให้เราตั้งคำถามกับสิ่งต่างๆ ที่เราทำ เพราะสงสัยว่าคนอื่นจะคิดอย่างไรกับเรา กับธุรกิจ กับแผนงานหรือกับเป้าหมายของเรา ผมรู้จากลูกค้าหลายคนที่ผมโค้ชชิ่ง ว่าความกลัวลักษณะนี้เป็นสาเหตุให้พวกเขาผัดวันประกันพรุ่ง ไม่ตัดสินใจ หรือบ่ายเบี่ยงไม่ลงมือทำ ความจริงก็คือ คนดีๆ ส่วนมากมีหน้าที่การงานต้องรับผิดชอบและกังวลหมกมุ่นอยู่แต่กับปัญหาของตนเอง ไม่มีเวลามานั่งจุกจิกพินิจพิเคราะห์หรอกว่าคนอื่นเขาทำอะไรกัน ความจริงข้อที่ 2 ใครเหรอที่สนใจ? แค่ในหัวเราเองก็มีคำพูดและความคิดลบๆ มากมาย คอยทำร้ายจิตใจตัวเองอยู่แล้ว ลำพังแค่เฝ้าระวังคอยกำจัดของตัวเองอย่างเดียวก็ยากแล้ว จะไปเอาคำพูดและความคิดลบๆ ของคนอื่นมาซ้ำเติมตัวเองอีก เพื่อ...? โฟกัสที่เป้าหมายของคุณ และอย่ามัวเสียเวลากังวลว่าคนอื่นจะคิดอะไร คนไหนคิดดี เขาก็จะช่วยส่งเสริมให้คุณดีขึ้น คนเหล่านั้นแหละคือคนที่คุณควรให้ความสนใจ ความกลัวที่ 11 – ฉันไม่กล้าขอสิ่งที่ฉันต้องการ เจ้าของกิจการที่ผมเคยโค้ชชิ่ง ทุกคนมักจะตั้งค่าบริการของพวกเขาไว้ต่ำๆ ผมเคยมีลูกค้าคนหนึ่งคิดค่าบริการ 225 เหรียญต่อชั่วโมง ทั้งๆ ที่อยากจะเก็บค่าบริการที่ 350 เหรียญต่อชั่วโมง แต่เกรงว่าลูกค้าจะไม่จ่าย มันน่าฉงนเมื่อคุณมองดูมูลค่าที่เขาเสนอให้ เขาลดค่าใช้จ่ายในการสรรหาบุคลากรได้มากถึง 33% และในขณะเดียวกันก็สามารถเพิ่มผลิตผลได้สูงถึง 75% บริการของเขาช่วยประหยัดเงินบริษัทได้ประมาณ $300k ต่อปี แถมมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าอีกต่างหาก ถ้ามองจากมูลค่าดังกล่าว เขาน่าจะเก็บค่าบริการที่ 1000 เหรียญต่อชั่วโมงด้วยซ้ำ เขาน่าจะนำราคานี้ไปเจรจา เมื่อพวกเขาคิดถึงค่าตัว ทำให้หลายคนหยุดขอสิ่งที่พวกเขาต้องการ คิดถึงมูลค่าที่คุณมอบให้ ผลตอบแทนที่คุณจะผลิตให้ลูกค้าของคุณ ประเมินค่าตัวให้สอดคล้องกับผลงาน ความกลัวที่ 12 – ฉันหยุดพักไม่ได้ ธุรกิจมีความต้องการและความคาดหวังสูง และแล้วเวลาส่วนตัวก็ถูกลิดรอนไปโดยปริยาย ผมจำได้ว่าเมื่อก่อนการเสพติดงาน คืออยู่ออฟฟิศจนถึง ทุ่ม สองทุ่ม หรือหอบงานกลับมาทำที่บ้านช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่สมัยนี้ แลปท๊อป อินเตอร์เน็ต และมือถือ และคำที่กำลังเป็นที่นิยมกันทั่วโลก ติดต่อได้ตลอดเวลา 24/7 กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว เราจะพลาดอะไรไปเหรอ ถ้าเกิดว่าเราจะขอพักบ้าง ธุรกิจของเราจะวิกฤตหายนะเลยหรือไร หากเราจะไม่เกาะติดทุกความเคลื่อนไหว
ใช้ชีวิตสุขกายสบายอารมณ์ เราจำเป็นต้องปรับสมดุลชีวิตกับการทำงาน โดยธรรมชาติแล้วเรามักจะคิดกันว่างานกับชีวิตส่วนตัวแยกจากกันไม่ได้ แต่ความเป็นจริงก็คือ เราแยกได้ คุณจะพบวิธีจัดการ และจะพบโอกาสมากขึ้นด้วย ผมเคยทำงานให้บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง บริษัทที่ความอยู่รอดขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีสารสนเทศ และ CIO ของพวกเรารับผิดชอบงานด้านความปลอดภัยของข้อมูล 1 ทุ่มปุ๊บเขาก็ปิดโทรศัพท์ปั๊บ เขามักจะพูดเสมอว่าเขามั่นใจลูกน้องสุดๆ “ลูกน้องผมรู้ดีกว่าผมเยอะ และถ้าสมมติเกิดฉุกเฉินขึ้นมาจริงๆ ลูกน้องผมก็รู้ว่าผมอยู่ที่ไหน” เป็นเพราะเราเองที่ไม่แยกงานกับชีวิตส่วนตัวให้ชัดเจน ดังนั้นก็คงมีแต่ตัวเราเองเท่านั้นแหละที่จะต้องหาวิธีถอยออกมา พักเติมความสดชื่นให้ร่างกายและจิตใจ ยิ่งความกลัวแผลงฤทธิ์ได้น้อยมากเท่าไร คุณก็ยิ่งประสบความสำเร็จทั้งธุรกิจและชีวิตส่วนตัวได้ดีขึ้นเท่านั้น มันอาจจะไม่ง่ายนัก หลายๆ คนมีความกลัวฝังลึก แต่ถ้าเรารู้ทันความกลัว เราก็สามารถลดทอนอำนาจมันลงได้ ความกลัวใดที่ส่งผลต่อคุณและกระทบธุรกิจของคุณมากที่สุด?
0 Comments
Leave a Reply. |
AuthorWrite something about yourself. No need to be fancy, just an overview. Archives
December 2019
Categories |